ประกาศการร่วมมือกับสรรพากร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

ตามที่กรมสรรพากรได้มีประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 346) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์ ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 กรมสรรพากรได้หารือร่วมกันกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ให้แก่กรมสรรพากร โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปที่จะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินมากที่สุด

  ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) ใคร่ขอเรียนให้ทราบว่า ธนาคารจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินให้ได้สิทธิยกเว้นภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด โดยธนาคารจะนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยแก่สรรพากร แต่หากผู้ฝากเงินไม่ประสงค์ที่จะได้รับยกเว้นภาษี จะต้องแจ้งแก่ธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยไม่ให้นำส่งข้อมูล และธนาคารมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยดังกล่าวไว้ในอัตราร้อยละ 15 ทั้งนี้ ให้มีผลเมื่อพ้น 7 วันทำการนับจากวันที่ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ โดยผู้ฝากเงินสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อแจ้งความประสงค์ไม่นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ให้กับกรมสรรพากรได้ที่ทุกสาขาของธนาคาร โดยแสดงเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้

  กรณีมาด้วยตนเอง
• บัตรประชาชน หรือเอกสารอื่นที่แสดงตัวตนของเจ้าของบัญชีเงินฝาก
• สมุดเงินฝากออมทรัพย์ (ทุกบัญชี)

  กรณีไม่สามารถมาด้วยตนเอง
• หนังสือมอบอำนาจ (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท)
• สำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง
• บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
• สมุดเงินฝากออมทรัพย์ (ทุกบัญชี)

ลูกค้าผู้ฝากเงินของธนาคารสามารถมาดำเนินการกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยการแจ้งครั้งเดียวจะมีผลตลอดไป จนกว่าลูกค้าจะมาแจ้งเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น ทั้งนี้ ลูกค้าที่มาแจ้งภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 จะมีผลตั้งแต่รอบภาษีดอกเบี้ยจ่ายครึ่งปีแรกในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)
ประกาศวันที่ 10 พฤษภาคม 2562